028019000 [email protected]

เคลือบแก้ว

ไม่ว่าใครก็ต้องการให้รถของตัวเองดูใหม่อยู่เสมอ หลายคนจึงให้ความสนใจกับการ เคลือบแก้ว ให้รถของเราดูใหม่เหมือนตอนที่ออกรถป้ายแดง แต่การตัดสินใจทำไม่ใช่เรื่องง่ายๆ เพราะราคาถือว่าสูงพอสมควร ร้านดังๆหลายๆร้านพยายามตั้งชื่อร้านของตัวเองให้ดูดี ดูโดดเด่น เช่น การตั้งชื่อเกี่ยวกับมูลค่าผสมกับสินค้า ( Gold Glass Coating ) เพื่อให้ดูดีมีราคาเพิ่มขึ้น แต่ใครจะรู้ว่าน้ำยาที่เคลือบแก้วให้เรานั้น เป็นน้ำยาเคมีที่ผสมนำเข้ามาอย่างดี หรือผสมเองแล้วนำมาหลอกขาย เราจึงต้องศึกษาข้อมูลให้ดีก่อนตัดสินใจ หรือใครที่เคลือบไปแล้วก็สามารถอ่านได้เหมือนกัน

เคลือบแก้วคืออะไร

การเคลือบแก้ว (Glass Coating) คือ การเคลือบสีรถเพื่อรักษาพื้นผิวสีของรถในระยะยาวให้สดใหม่อยู่เสมอ แตกต่างกันกับการเคลือบสีรถยนต์ธรรมดาหรือการแว็กซ์ที่ส่วนใหญ่จะทำกันอาทิตย์ละครั้ง บางคนเรียกว่า เคลือบเซรามิก ซึ่งผมคิดว่ามันเป็นคนละแบบกันเลยนะครับ เคลือบแก้วคือเคลือบแก้ว ต้องแยกแยะเพราะบางร้านใช้ศัพท์รวมกันจนลูกค้างงไปหมดแล้วว่าตกลงมันต้องเรียกว่าอะไร

น้ำยาเคลือบแก้ว

น้ำยาเคลือบสีรถ บางคนซื้อน้ำยาเคลือบแก้วมาทำเองที่บ้าน บางคนใช้น้ำยาเคลือบแก้วของร้านเคลือบแก้ว ซื้อแพ็คเกจเอา ผมว่าอยู่ที่น้ำยานะครับ ถ้าพูดถึงน้ำยาเหมือนกัน แม้จะเคลิือบเองถ้าคนเคลือบเป็นผมว่าไม่ต่างกันกับคาร์แคร์นะ เพราะว่ามันอยู่ที่การเตรียมพื้นผิวสีของรถ ก็คือการล้างรถนั่นเอง เพราะการเคลือบแก้วคือขั้นตอนสุดท้ายแล้ว

สเปรย์เคลือบแก้ว

นอกจากเคลือบแก้วแบบน้ำยา ผู้ผลิตรายหลายได้ออกแบบสเปรย์มา เพื่อการใช้งานที่สะดวก สเปรย์เคลือบแก้วหน้าตาจะเป็นรูปแบบหัวฉีดสีอันเล็กๆ ความระเอียดในการฉีดเท่ากับ 0.01 ระอองจะกระจายทั่วพื้นผิวรถ ทำให้เวลาใช้ผ้าเช็ควนๆ จะทั่วถึงทุกซอกทุกมุม ถามว่าอันไหนดีกว่า ผมว่า ข้อดี-ข้อเสีย ของมันแตกต่างกันครับ ขึ้นอยู่กับการใช้งานของผู้ใช้งานมากกว่า

เคลือบแก้วราคา

ราคาเคลือบแก้ว ไม่สามารถบอกได้ชัดเจนว่าราคาจะอยู่ที่เท่าไหร่ เพราะคุณภาพของน้ำยา ความละเอียดของผู้ให้บริการ ชื่อเสียงของร้าน น้ำยาก็ผลิตไทยหรือนำเข้าละ ถ้านำเข้าแน่นอนว่าแพงกว่าเกือบๆครึ่ง อย่างเช่นร้านที่นิยมกันก็ร้าน Wizard หรือโด่งดังในไทยก็ Max nano ฮ่าๆๆ โด่งดังจริงๆนะแบรนด์นี้ ^^ เอาเป็นว่าราคากลางๆประมาณ 20,000-50,000 ประมาณนี้นะครับ ส่วนน้อยกว่านั้นอาจตัวน้ำยาปกป้องผิวไม่นานมาก หรือระดับราคาเป็นแสนเคลือบพวก Super Car ก็แสนดีเลยเชียว

เคลือบแก้วที่ไหนดี

เคลือบแก้วรถยนต์ มีร้านเปิดให้บริการหลากหลายที่ทั่วประเทศไทยเลย จะพูดว่าร้านนี้ที่กรุงเทพดี แต่เจ้าของรถอยู่เชียงใหม่ ขับมาก็หมดแล้วค่าเคลือบแก้วอะ ฮ่าๆๆ เอาเป็นว่าผมเอาที่นิยมๆเลยนะ ใน pantip ก็พูดถึงกันเยอะคือร้าน Wizard มีหลายสาขานะ ลองค้นหาใน Google ดูผมว่ามีข้อมูลเกี่ยวกับร้านเคลือบแก้วเยอะอยู่ครับ ส่วนนี้ผมแนะนำไม่ได้จริงๆ เดี๋ยวหาว่ามีส่วนได้ส่วนเสียกับทางร้าน 555

เคลือบสีรถวัดคุณภาพกันตรงไหน

คุณภาพเคลือบแก้ว คือ มิติของชั้นเคลือบผิว คำว่าคุณภาพไม่ได้อยู่ที่น้ำยาเคลือบแก้วเพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่ขึ้นอยู่กับกระบวนการเคลือบแก้ว เช่น การเตรียมสีผิว การล้างรถให้ฝุ่นไม่หลงเหลืออยู่ ความชำนาญของช่างบริการ บางคนสามารถดึงคุณภาพของน้ำยาเคลือบแก้วหลักพันผ่านวิธีการเคลือบแก้วจนงานออกมาหลักหมื่นหลักแสนเลยก็ได้ครับ

วิธีเคลือบแก้ว

การเคลือบแก้วตามหลักแล้วมีด้วยกันอยู่ 2 วิธี คือ เคลือบแก้วระบบพ่น กับ เคลือบแก้วระบบทา ระบบการเคลือบแก้วจะมีอยู่แค่ 2 ระบบนี้เท่านั้นแต่จะแท้หรือเทียมค่อยว่ากันอีกที เพราะไม่สามารถตรวจสอบได้ทุกร้าน ทุกยี่ห้อหรอกครับ นอกจากจะมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้ามาตรวจสอบอย่างเคร่งครัด ดังนั้นผมขอแนะนำระบบเคลือบแก้วให้เพื่อนๆเห็นกันแบบชัดๆเลยดีกว่าครับ

เคลือบแก้วระบบพ่น

เคลือบแก้วแบบพ่น คือ เคลือบแก้วที่มีคุณภาพสูง เรียกได้ว่าอยู่ในระดับพรีเมียมเลย เนื่องจาก น้ำยาเคลือบแก้ว ระบบนี้จะปกป้องพื้นผิวของสีรถยนต์ได้ดีที่สุด ไม่ว่าจะเป็นมิติของชั้นเคลือบหรือระยะเวลาจืดจางของสารเคลือบที่ยาวนาน โดยระบบนี้จะต้องใช้ช่างผู้เชี่ยวชาญ เพราะต้องใช้เทคนิคขั้นสูง เปรียบเสมือนกับการพ่นสีรถยนต์ ของโรงงานผลิตรถยนต์เลยทีเดียว โดยมีขั้นตอนดังนี้

  • ขั้นตอนแรก เคลือบแก้วโดยการพ่นละอองสารซีลีก้าผ่านชั้นอากาศปกติ โดยส่วนใหญ่จะใช้ห้องสำหรับเคลือบแก้วโดยเฉพาะ ห้องนั้นจะปราศจาคฝุ่นละอองนั่นเอง
  • ขั้นตอนที่สอง เมื่อพ่นสารเคลือบแก้วไปบนพื้นผิวเรียบร้อยแล้ว สารจะสร้างองค์ประกอบหลักที่ชื่อ SiO2 คือการพ่นสารซีลีก้า(Si) ผ่านชั้นอากาศให้สารสัมผัสกับออกซิเจนในอากาศ(O2) จนกระทั่งซึมลงไปในพื้นผิวสีของรถ ระบบนี้จะเหมือนการพ่นสีรถยนต์ คือ ละอองสารซีลีก้าจะเปลี่ยนเป็นของเหลวเกาะติดพื้นผิวสีรถแล้วจะค่อยๆระเหยจนทำให้เกิดความเนียนของสารเคลือบ

เคลือบแก้วระบบทา

เคลือบแก้วแบบทา คือ การเคลือบแก้วที่ใช้ความเชี่ยวชาญส่วนตัว ไม่ใช่เครื่องมือพ่นมาช่วย ราคาจะถูกกว่าระบบพ่น เป็นการเคลือบผ่านน้ำยาเคลือบแก้วด้วยการทามือ เรียกง่ายๆว่าระบบมือ (Hand Apply) แต่ยังใช้สารตัวเดิมเป็นองค์ประกอบหลักคือสารซีลีก้า(Si) การทาด้วยมือจะทาวนให้ตัวน้ำยาซ้อนเป็นชั้นๆ เป็นการสร้างพื้นผิวให้มีความหนาแน่นแข็งแรงต่อสิ่งต่างๆที่มากระทบพื้นผิวสีรถ แต่การใช้ระบบมือจะต้องใช้ช่างมีความชำนาญ เพราะถ้าไม่มีความชำนาญเนื้องานจะออกมาเยิ้มๆดูไม่สวย จะเห็นได้ตามร้านทั่วๆไป ซึ่งความเนียนและความละเอียดของเนื้องานจะสู้เคลือบแก้วระบบพ่นไม่ได้ เพราะระบบพ่นใช้เครื่องมือที่ถูกพัฒนามาในตอนหลังนั่นเอง

เคลือบแก้วแท้หรือเทียมดูยังไง ?

สินค้าย่อมมีแท้มีเทียมเป็นธรรมดา แต่เราก็ตรวจสอบไม่ได้อยู่ดีขึ้น เพราะจะต้องใช้สารต่างๆทางวิทยาศาสตร์มาตรวจสอบให้แน่ชัด ดังนั้นเวลาเข้าใช้บริการควรหาสถานบริการที่มีคุณภาพ การันตีจากหน่วยงานภาครัฐและเอกชน ส่วนใหญ่จะเชื่อการ รีวิวเคลือบแก้ว จากคนที่มีชื่อเสียงโด่งดัง หรือสินค้าโฆษณาวางไว้บนรถหรู อย่างเช่น บิ๊กไบค์(BigBike) , ซุปเปอร์คาร์(SuperCar) เป็นต้น ทำให้ต่างก็โดนหลอกกันทั่วหน้า แล้วก็มาประกาศว่าเคลือบแก้วไม่ดี อย่างน้อยก็ดีกว่าไม่ได้เคลือบนะกันครับ ฮ่าๆๆ

ข้อเสียของการเคลือบแก้ว

การเคลือบแก้วมีทั้งข้อดีและข้อเสีย แต่ที่ผมแนะนำไปข้างต้นเพื่อนๆก็รู้ข้อดีมามากพอแล้ว คราวนี้เรามาดูข้อเสียของการ เคลือบแก้ว กัน การเคลือบแก้วอย่ามองแต่ราคา ราคาแพงราคาถูกไม่ได้เปรียบคุณภาพได้เสมอไป เพราะจุดประสงค์หลักของการเคลือบแก้ว คือ การดูแลรักษารถยนต์ให้คงสภาพผิวสีสดใสเสมือนรถใหม่อยู่เสมอ ให้ปกป้องพื้นผิวรถยนต์ระยะเวลายาวนาน ก่อนจะเคลือบแก้วศึกษาระบบให้ดี ว่าร้านที่เราใช้บริการใช้เทคนิคการเคลือบแก้วรูปแบบใด มีขั้นตอนอย่างไร

สุดท้ายแล้วความคุ้มค่าอยู่ที่ระยะเวลาและคุณภาพการปกป้องสีรถ ไม่ใช่แค่ราคาที่คุณจ่ายเงินไป เพราะบางคนใช้คำนิยามว่า “รถราคาหลักล้าน จ่ายเงินแค่นี้เพื่อดูแลรักษาผิวสีรถหลักหมื่นผมจ่ายได้” ผมเชื่อคครับว่าจ่ายได้แต่ถ้าคุณเจอคุณภาพย่ำแย่ คุณเองที่จะเสียความรู้สึกและมองการเคลือบแก้วไปในด้านลบ เคลือบแก้วมีอายุการใช้งาน ควรถามให้แน่ชัดว่าระยะเวลาปกป้องนานเพียงใด เพราะเราจะต้องมาเคลือบแก้วอีกครั้งเมื่อถึงเวลา ไม่ใช่เคลือบครั้งเดียวตลอดอายุการใช้งานนะครับผม


ขอบคุณภาพ : 999article , 27speed ,
แนะนำโดย : ประกันภัยรถยนต์