หัวเทียน
หัวเทียน (Spark plug) คือ สิ่งสำคัญต่อเครื่องยนต์ที่ใช้ระบบเชื้อเพลิง เบนซิน แก๊ส และก๊าซ กลไกการทำงานจะสามารถรับแรงดันกระแสไฟฟ้าไม่ต่ำกว่า 10,000 โวลต์ และสามารถทนต่อความร้อนได้ไม่ต่ำกว่า 2,000 องศาเซลเซียส รับแรงอัดได้ไม่ต่ำกว่า 50 กิโลกรัมต่อตารางเซนติเมตร โดยทั่วไปหัวเทียนจะมีอายุการใช้งานนานพอสมควร ดังนั้นหากหัวเทียนมีอาการผิดปกติเราจะต้องรีบแก้ไขให้ทัน เพราะอาจทำให้เครื่องยนต์มีปัญหาตามมาภายหลัง
หัวเทียนรถยนต์ ทำหน้าที่อะไรบ้าง
หัวเทียนรถยนต์ จะมีส่วนสำคัญที่เรียกว่า คอยล์หัวเทียน ทำหน้าที่เป็นคอยล์จุดระเบิดของเครื่องยนต์ เริ่มต้นจากการรับแรงไฟมาจากจานจ่ายผ่านสายหัวเทียนเพื่อนำกำลังไฟมาสู่หัวเทียน ทำให้เกิดการสร้างประกายไฟจุดระเบิดในห้องเครื่อง และเกิดการเผาไหม้ในที่สุด ระบบการทำงานของหัวเทียนเพื่อปล่อยกระแสไฟฟ้าแรงดันสูงจะมีส่วนประกอบ 6 อย่างดังนี้
- ขั้วหัวเทียน
- ฉนวน
- ขั้วกลาง
- เปลือก
- ปะเก็น
หัวเทียนมีกี่ชนิด
ช่างผู้เชี่ยวชาญระบบเครื่องยนต์ได้พูดถึงเรื่องของชนิดหัวเทียน ซึ่งมีหลายชนิดด้วยกัน อาทิเช่น หัวเทียนสองเขี้ยว หัวเทียนสี่เขี้ยว โดยเฉพาะรถยนต์ที่ใช้แก๊สที่มีอัตราส่วนผสมบาง หรือรถยนต์ที่ใช้ระบบเอทานอล คือระบบที่ใช้อัตราส่วนผสมอากาศต่อเชื้อเพลิง จะมีค่า 14.7:1 และ 14:1 , 15:1 ระบบเช่นนี้จะต้องใช้หัวเทียนที่มีหลายเขี้ยว ถึงจะทำงานได้เต็มประสิทธิภาพและอายุการใช้งานที่ยาวนาน
หัวเทียนรถยนต์แบบไหนดี
- หัวเทียนร้อน สามารถระบายความร้อนจากการจุดระเบิดของเครื่องยนต์ได้น้อย เนื่องจากฉนวนบริเวณหัวเทียนจะยาวกว่าแบบอื่นๆ จึงทำให้ความร้อนสะสมอยู่บริเวณหัวเทียน หัวเทียนแบบนี้จะใช้งานกับเครื่องยนต์เดิมๆ ที่ไม่ได้ผ่านการโมดิฟาย หรือรถยนต์ที่มีรอบเครื่องยนต์ต่ำ จึงไม่เหมาะกับรถยนต์ที่มีรอบเครื่องยนต์สูง เพราะอาจส่งผลให้เครื่องยนต์เสียหายได้ เบอร์หัวเทียน ชนิดนี้จะมีตั้งแต่ 7 ลงมา
- หัวเทียนเย็น สามารถระบายความร้อนได้ดีกว่าหัวเทียนร้อน เนื่องจากฉบวนบริเวณหัวเทียนจะสั้นกว่า และมีช่องว่างลักษณะที่กว้าง หัวเทียนเย็นไม่เหมาะกับรถยนต์ที่มีรอบเครื่องยนต์ต่ำ หรือเครื่องยนต์ที่มีการใช้งานระยะสั้น เพราะทำให้เวลาขับรถไปสักพักเครื่องยนต์จะสะดุด จึงเหมาะกับรถโมดิฟายเครื่องยนต์ เบอร์ของหัวเทียน ชนิดนี้จะมีตั้งแต่เบอร์ 8 ขึ้นไป
- หัวเทียนเดิม หรือ หัวเทียนเข็ม เป็นหัวเทียนมาตรฐานที่ออกแบบมาใช้งานกับระบบเครื่องยนต์ทั่วไป สามารถทนความร้อนได้ระดับปานกลาง เหมาะสมกับรถเดิมๆ รถบ้านใช้งานบ้างไม่ใช้บ้าง และส่วนใหญ่จะใช้หัวเทียนเดิมแก้ไขเบื้องต้นสำหรับรถที่มีปัญหาเครื่องยนต์สะดุด และมีราคาต่ำกว่าหัวเทียนร้อนและหัวเทียนเย็น และนิยมใช้หัวเทียน ngk iridium
อาการหัวเทียนเสีย
หัวเทียนรถ สามารถสังเกตง่ายๆ เมื่อเปิดฝากระโปรงรถเรียบร้อยแล้ว ให้ถอดหัวเทียนออกมาดูโดย สีหัวเทียน จะต้องไม่เหลืองหรือมีรอยไหม้ ถ้าเกิดว่าถอดออกมาแล้วเหลืองหรือมีรอยไหม้ แสดงว่า หัวเทียนบอด หรือ หัวเทียนรั่ว แล้วจะรู้ได้อย่างไรว่าหัวเทียนเสียเมื่อไหร่ ให้ดูจากอาการเหล่านี้ครับมาดูกันเลย
- เครื่อยนต์ไม่นิ่ง สั่นตลอดเวลาหรือรอบเครื่องยนต์เดินเบาผิดปกติ อาการแบบนี้จะแสดงเมื่อรถจอดอยู่กับที่
- รถสตาร์ทติดยาก รถยนต์สตาร์ทไม่ติด อาการแบบนี้เกิดจากการจุดระเบิดของหัวเทียน ทำงานได้ไม่เต็มประสิทธิภาพ
- อัตราการสิ้นเปลืองน้ำมันมากขึ้น หรือรถวิ่งแล้วมีอาการสะดุด เหมือนเหยียบคันเร่งแล้วโดนดึงตลอดเวลา เร่งเครื่องไม่ขึ้น อาการนี้น่าเป็นห่วงเพราะจะทำให้กระบอกสูบมีปัญหาไปด้วย ให้รีบเข้าอู่เพื่อทำการเปลี่ยนหัวเทียนหรือตรวจสอบกระบอกสูบทันที
วิธีเปลี่ยนหัวเทียนรถยนต์ ด้วยตนเองไม่ได้ยากอย่างที่คิด
เปลี่ยนหัวเทียนรถยนต์ ไม่สามารถเปลี่ยนด้วยมือเปล่า จะต้องมีเครื่องมือที่ควรเตรียมเอาไว้ คือ ไขควง คีมปากจิ้งจก ประแจขันน็อตหรือตัวทีเบอร์ 10 และประแจสำหรับถอดหัวเทียนโดยเฉพาะ ซึ่งในคลิปจะเป็นตัวอย่างการถอดหัวเทียนด้วยตนเอง โดยจะต้องดูว่ารถยนต์ของเรายี่ห้ออะไร เนื่องจากบางยี่ห้อมีระบบที่ซับซ้อน จำเป็นต้องใช้เครื่องมือช่างระดับสูง แนะนำว่าให้เข้าอู่เพื่อเปลี่ยนจะง่ายกว่าเยอะครับ
รถยนต์แต่ละรุ่นแต่ละยี่ห้อจะใช้ หัวเทียน ไม่เหมือนกันโดยหากเราคิดจะเปลี่ยนเองจะต้องเปิดคู่มือเพื่อตรวจสอบว่าหัวเทียนรถยนต์ของเราใช้เบอร์อะไร และควรปรับตั้งเขี้ยวหัวเทียนให้พอดีเพื่อให้เครื่องยนต์ทำอย่างอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่ส่งผลให้เครื่องยนต์เกิดความเสียหายตามมา หากไม่แน่ใจยอมสละเงินไม่กี่บาทให้ช่างผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบให้เสียดีกว่า เพราะบางเรื่องประหยัดไปอาจทำให้ต้องเสียเงินมากขึ้นภายหลังโดยเฉพาะเครื่องยนต์พัง
แนะนำโดย : Easyinsurebroker
คลิปวีดีโอ : Bundit Tinsawake