ประกันภัยรถยนต์ 2+ ที่ไหนดี
ความคุ้มครองนอกเหนือจากการดูแลภาคบังคับจากพรบ.รถยนต์ที่จะดูแลเพียงแค่ค่ารักษาพยาบาล การมองหาความคุ้มครองที่จะช่วยดูแลรถจึงเป็นทางเลือกในการประหยัดค่าใช้จ่ายในกรณีที่เกิดอุบัติเหตุ แต่เราจะมีการเลือก ประกันภัยรถยนต์ 2+ ที่ไหนดี เพื่อให้ได้การดูแลที่ดีที่สุด วันนี้เราจึงขอแนะนำเคล็ดลับพิเศษในการเลือกซื้อประกันรถยนต์
การเลือก ประกันภัยรถยนต์ 2+ เป็นความคุ้มครองที่ดูแลรถของคุณได้ดีรองลงมาจากประกันชั้น 1 แต่สิ่งที่พิเศษกว่าคือค่าเบี้ยประกันที่ราคาถูกกว่า ทำให้เป็นตัวเลือกอีกหนึ่งรูปแบบที่ผู้ทำประกันส่วนใหญ่สามารถตัดสินใจได้ว่าจะทำ ประกันภัยรถยนต์ 2+ ที่ไหนดี และนำไปบอกต่อ สำหรับเคล็ดลับที่จะช่วยตัดสินใจได้ดียิ่งขึ้นว่าจะเลือกซื้อประกันที่ไหนดีก็คือการศึกษาข้อมูลรายละเอียดของความคุ้มครองที่คุณจะได้รับเพราะบริษัทประกันภัยหลายแห่งมีการให้บริการแบบประกันภัยรถยนต์ชั้น 2 เหมือนกันแต่ความคุ้มครองกลับมีบางจุดที่แตกต่างกัน ซึ่งเป็นรายละเอียดที่ผู้สนใจทำประกันควรจะตรวจสอบให้ดีเนื่องจากเมื่อจ่ายค่าเบี้ยประกันเป็นที่เรียบร้อยความคุ้มครองจะเริ่มต้นทำทีที่ชำระค่าบริการ โดยเคล็ดลับในการใช้ข้อมูลก่อนตัดสินใจคือ
- ราคาเบี้ยประกันแตกต่างกันมากน้อยแค่ไหน
- เบี้ยประกันคุ้มครองรถประเภทไหนบ้างเช่นรับเฉพาะรถญี่ปุ่น บางบริษัทรับทั้งรถยุโรปและรถญี่ปุ่น
- รับดูแลรถกี่ปี เพระบางบริษัทรับรถไม่เกิน15 ปี หรือ 20 ปี บางบริษัทรับแบบไม่จำกัดปี
- สามารถส่งซ่อมได้ที่ไหนบ้าง เช่นซ่อมอู่ หรือ ใช้บริการได้ทั้งซ่อมห้าง ซ่อมอู่ (ซ่อมห้างและซ่อมอู่ ต่างกันอย่างไร)
- ต้องชำระชำระค่าเสียหายส่วนแรกหรือไม่
- มีทุนในการซ่อมอยู่ที่เท่าไหร่ โดยส่วนใหญ่อยู่ที่ 100,000 บางบริษัทก็ไม่เกิน 200,000
- คุ้มครองกรณีไหนบ้าง เช่น คุ้มครองเฉพาะรถหาย รถไฟไหม้ บางประเภทคุ้มครองครอบคลุมทั้งรถหาย รถไฟไหม้ น้ำท่วม เหตุการณ์แผ่นดินไหว
- ความรับผิดชอบต่อบุคคลภายนอกมีวงเงินเท่าไหร่
- ความคุ้มครองต่อผู้ขับขี่คุ้มครองได้กี่คน เพราะบางประแภทคุ้มครองถึง 7 คน แต่ปกติจะคุ้มครองเริ่มต้นที่5คน ใครที่มีรถ7ที่นั่งจึงควรเช็คในส่วนนี้ด้วย
ตามรายละเอียดที่แนะนำถือเป็นเคล็ดลับที่จะช่วยให้คุณตัดสินใจเลือกซื้อ ประกันภัยรถยนต์ 2+ ที่ไหนดี ซึ่งในส่วนนี้ขึ้นอยู่กับความต้องการของผู้สนใจทำประกันโดยนำข้อมูลมาเปรียบเทียบเพื่อให้ได้ความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการของเรามากที่สุด รวมถึงเบี้ยประกันที่มีราคาเหมาะสมกับงบที่เราตั้งไว้และความคุ้มครองที่จะได้รับ
ซึ่งเป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่มีความสำคัญเพราะมีโอกาสเกิดเหตุการณ์ที่เราคาดไม่ถึงได้อยู่ตลอด ยกตัวอย่างเช่น ฝนตกหนักในกรุงเทพฯช่วงฤดูฝนที่ผ่านมา ปรากฏว่าน้ำไม่สามารถระบายได้ทัน ทำให้บางพื้นที่รถที่จอดอยู่บริเวณข้างทางเกิดน้ำท่วมฉับพลันรถเกิดความเสียหาย ถ้าหากคุณเลือกประกันชั้น2+ ที่ครอบคลุมถึงความเสียหายจากน้ำท่วมแน่นอนว่าคุณจะได้รับการดูแลทันที นี่คือเคล็ดลับง่ายๆที่จะทำให้คุณเลือกประกันที่เหมาะสมกับการใช้งานมากที่สุด