คลัทช์
คลัทช์ เป็นชิ้นส่วนประกอบของรถยนต์ ที่มีความเกี่ยวข้องในการขับเคลื่อนรถยนต์อย่างเห็นได้ชัด เป็นส่วนประกอบหนึ่งของรถยนต์ ที่หากว่าใครเจอ อาการคลัทช์หมด เป็นต้องกุมหัวขมับทันที นอกจาก คลัทช์หมด จะทำให้รถยนต์ไม่สามารถวิ่งต่อไปได้แล้ว ยังทำให้เกียร์พังได้อีกด้วย หากคุณไม่รู้วิธีในการแก้ไขเบื้องต้น
คลัทช์หมด มีอาการอย่างไร
การตรวจเช็คความพร้อมของรถยนต์ก่อนออกเดินทาง ถือเป็นเรื่องที่ดี แต่ไม่มีใครสามารถตรวจเช็ครถของเราเองได้ครบทั้งหมด ทำให้ยังมีข้อบกพร่องอยู่บ้างในบางครั้ง ก่อนที่ คลัทช์ หมดจะมีอาการผิดปกติเกิดขึ้น แต่บางคนไม่ค่อยใส่ใจเท่าที่ควร ทำให้ไม่รู้ว่า อาการที่ผิดปกติ อาจส่งผลให้รถของคุณพังคาที่เลยก็ได้
ยิ่งถ้าคุณใช้รถมือสอง หรือ รถที่มีอายุการใช้งานนานกว่า 10 ปี และมีการใช้งานกว่า 200,000 กิโลเมตร ไม่ว่าจะเป็น เกียร์ธรรมดา เกียร์อัตโนมัติ ยิ่งต้องตรวจเช็คคลัทช์ ในทันที เพราะว่าการตรวจเช็คคลัทช์ ไม่ยากอย่างที่คิดและสามารถกระทำได้ด้วยตนเอง ไม่ต้องพึ่งช่างผู้เชี่ยวชาญ เพียงแต่ว่าคุณจะต้องสังเกตุว่า รถของคุณกำลังจะบอกอาการอะไรกับคุณ โดยอาการสามารถบ่งบอก ดังนี้
1. คลัทช์ลื่น
อาการคลัทช์ลื่น เป็นการบ่งบอกว่ารถของคุณกำลังมีปัญหา นั่นก็คือ คลัทช์หมด นั่นเอง โดยสามารถเกิดขึ้นจาก 2 กรณี
คลัทช์ใกล้หมด : คืออาการของ ผ้าคลัทช์ เริ่มบาง ซึ่งจะต้องทำการเปลี่ยนทันที
เครื่องส่งกำลังเกินกว่าที่คลัทช์จะรับได้ : ส่วนใหญ่จะพบได้ใน รถแต่งเครื่อง โมดิฟายเครื่องยนต์ ซึ่งถ้าหากว่ารถจองคุณไม่ได้มีการแต่งเครื่อง หรือ โมดิฟายเครื่องยนต์แปลว่า รถของคุณ คลัทช์ ใกล้จะหมดแล้วนั่นเอง
ขอบคุณรูปภาพ : sanook.com
2. ความเร็วลดลงแต่รอบเครื่องเท่าเดิม
ส่วนใหญ่จะพบได้จาก รถยนต์เกียร์อัตโนมัติ หรือ เกียร์ออโต้ เพราะอาการ คลัทช์ลื่น ถ้าใครขับรถเกียร์อัติโนมัติจะไม่ค่อยได้รับรู้อาการ ทำให้ไม่สามารถจับอาการได้ว่า รถกำลังคลัทช์หมด แต่สามารถสังเกตุได้จากวิธีที่สอง คือ ถ้าหากว่าใช้ความเร็วเท่าเดิม แต่รอบเครื่องสูงกว่าเดิม หรือรอบเครื่องปกติ แต่ความเร็วต่ำลง นั่นคืออีกหนึ่งเหตุผลที่จะบ่งบอกได้ว่า คลัทช์ใกล้จะหมดนั่นเอง
3. ขับขึ้นเนินสูงชันได้ช้ากว่าปกติ
ถ้าเกิดว่าอาการทั้งสองอย่างที่ได้แนะนำมาไม่สามารถสังเกตุพบเจอได้ ถ้าหากว่าใครขับรถขึ้นเนินเขา หรือเนินสูงชัน แล้วต้องลดจังหวะเกียร์ หรือ ทดเกียร์ลง ทั้งๆที่ไม่เคยทำมาก่อน นี่คืออาการของ คลัทช์บาง หรือใกล้จะหมด ต้องเปลี่ยนทันที เพราะอาการที่สามส่วนใหญ่ที่พบ แทบจะเปลี่ยนไม่ทันและทำให้รถพังคาที่ได้เลย
คลัทช์รถยนต์ มีอายุการใช้งานกี่กิโลเมตร
สำหรับอายุการใช้งานของ คลัทช์ จะอยู่ที่ 150,000-200,000 กิโลเมตร ซึ่งอายุการใช้งานของแต่ละคันไม่เหมือนกัน ขึ้นอยู่กับการใช้งาน บ่อยแค่ไหน… ใช้งานหนักหรือไม่… ทำให้อายุการใช้งานไม่คงที่ แต่ไม่ว่าจะเป็นสาเหตุอะไร ผู้ขับขี่จะต้องรู้จักวิธีการยืดอายุ หรือ ดูแลรักษา คลัทช์รถยนต์ ให้ถูกต้องเพื่อทำให้ประหยัดและสามารถยืดอายุการใช้งานของ คลัทช์ ได้อีกด้วย โดยมีวิธีดังนี้
1. อย่าเลี้ยงคลัทช์
เคยขับรถไปเรื่อยๆ แล้วได้กลิ่น คลัทช์ไหม้ หรือเปล่า …? ใช่แล้วส่วนใหญ่จะพบได้ในตัวเมือง อาทิเช่น กรุงเทพฯ ที่มีรถติดในเวลานานๆ ทำให้หลายคนมักเหยียบคลัทช์แช่ไว้ หรือเรียกว่า เลี้ยงคลัทช์ ถือว่าเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง แล้วเกียร์อัติโนมัติล่ะ เหมือนกันไหม..? บอกเลยว่าเหมือน เพราะว่าถ้าหากรถติดแล้วเหยียบเกียร์ D แช่ไว้ จะทำให้ คลัทช์ทำงานหนักขึ้น ดังนั้นหากรถติดให้เปลี่ยนเป็นตัว N เป็นเพราะว่า Torque Convertor มีคลัทช์เป็นตัวหลักในการทำงาน
ขอบคุณรูปภาพ : Boxzaracing.com
2. อย่าเหยียบคลัทช์หากไม่จำเป็น
ไม่จำเป็นหรอ…เวลาไหนล่ะที่ไม่จำเป็นต้องเหยียบคลัทช์ ? เอาเป็นว่าคิดง่ายๆน่ะ เราจะเหยียบคลัทช์ก็ต่อเมื่อต้องการเปลี่ยนเกียร์ ซึ่งนั่นเองจังหวะเดียวที่เราจะใช้งานคลัทช์รถยนต์ ดังนั้นหากพบว่าตนเอง ชอบเหยียบคลัทช์บ่อยๆ แปลว่าคุณกำลังทำให้ รถของคุณ คลัทช์หมดไวกว่าเดิม
3.อย่าพักเท้าที่คลัทช์
หลายคนคงมีอาการงงๆว่า แค่เอาเท้าไปวางที่คลัทช์ ส่งผลขนาดนั้นเลยหรอ บอกเลยว่าผิดครับ เนื่องจากว่า น้ำหนักเท้าที่เราวางลงไปแค่ปลายเท้า ทำให้จานกดคลัทช์หนีห่างจากฟลายวีล ที่ส่งผลให้ คลัทช์สึกหรอ มากกว่าปกติได้
ขอบคุณรูปภาพ : Boxzaracing.com
4. หลีกเลี่ยงการทำคลัทช์ไหม้
กลิ่นของ คลัทช์ไหม้ คงเป็นกลิ่นที่ชินจมูกมากเหลือเกิน เพราะจะมีกลิ่นคล้ายๆกับ เบรคไหม้ ซึ่งจะพบได้ในสถานที่ท่องเที่ยวที่ต้องขับรถขึ้นเขา อาทิเช่น เขาใหญ่ ห้วยต่างๆ พยายามหลีกเลี่ยงการเหยียบคลัทช์บ่อยๆให้ดี เพราะว่าการเหยียบคลัทช์บ่อยๆ จะทำให้หน้าสัมผัสของ คลัทช์เสื่อม ไวกว่าปกติและ คลัทช์ หมดในที่สุด
เป็นอย่างไรกันบ้างครับเพื่อนๆ อาการคลัทช์หมด อันตรายมากๆนะครับ เคยเห็นคนลงเขาแล้วคลัทช์หมด ทำให้รถไหลไปชนกับรถคันอื่น ดีนะครับที่รถคันนั้นทำ ประกันภัยรถยนต์ เอาไว้ ไม่อย่างนั้นคงไม่ต้องคิดเลยครับว่า ค่าเสียหายเท่าไหร่ เพราะไหลไปชนต่อๆกันถึง 5 คันเลยทีเดียว ก็ขอฝากไว้เพียงเท่านี้ รักรถ ดูแลรถให้ดีๆนะครับ
แนะนำบทความโดย : easyinsurebroker.com